DREAM [TDDK]
โทโดโรกิฝัน…ฝันถึงมิโดริยะ
แต่ไม่ใช่ฝันปกติ
เขาฝันว่าได้มีเซ็กส์กับมิโดริยะ
ดวงหน้าหวานนัยน์ตาสีมรกตฉ่ำเยิ้มจ้องมองมาที่เขา
ริมฝีปากของเราประกบกันดูดดึงผลัดกันรุกและรับอย่างไม่มีใครยอมใคร
ตอนที่ได้บดเบียดความเป็นชายเข้าไปมันรู้สึกดีจนใจหาย สะโพกทรงสวยของร่างบางกำลังบดเบียดรับสัมผัสของเขาอยู่
มิโดริยะครางชื่อเขาแขนเล็กโอบรอบคอไว้แน่นร่างกายเราปะทะกันทุกส่วน
แนบชิดจนไม่เหลือช่องว่าง
เราจูบกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าในค่ำคืนแห่งบทรักร้อน
โทโดโรกิไม่เคยคิดว่าเซ็กส์มันจะรู้สึกดีมากมายขนาดนี้แล้วยิ่งเขาได้ทำกับคนที่ชอบมันช่างเป็นกิจกรรมรักที่ไร้ที่ติ
เขาโอบกอดร่างที่บางกว่าตัวเขาเอาไว้แน่นราวกับหากปล่อยจะหลุดมือไป
“โทโดโรกิคุง”
คนตัวเล็กเริ่มร้องครางไม่เป็นภาษา เขาไม่เคยคิดเลยว่ามิโดริยะจะตัวเล็กขนาดนี้หรือเพราะเขาตัวสูงไป
แขนเพียงข้างเดียวก็โอบได้รอบตัวแล้ว ตัวเล็กมากจริง ๆ
ค่ำคืนนี้ช่างมีความสุขเหลือเกิน
“มิโดริยะ ชอบนะ ชอบที่สุดเลย”
แต่หากว่าโทโดโรกิเข้าใจผิด
มันไม่ใช่ฝัน
เขาลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพบว่าตัวเองนอนเปลือยท่อนบนอยู่เท่านั้นยังคงไม่มีอะไรน่าตกใจเมื่อคืนอาจจะร้อนแล้วละเมอถอดเสื้อก็ได้
ร่างสูงยันตัวลุกนั่งบนเตียงคิงไซส์ก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้ดวงตาที่พร่ามัวทำให้เห็นก้อนผ้าห่มที่กองอยู่ข้างๆ
ตัว
ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจจนตอนที่ไอ้ก้อนผ้าห่มของเขามันครางอืออาขึ้นมานั่นแหละเขาถึงกับกระโดดโหยงออกจากที่เตียงไปยืนตั้งกาดพร้อมรบทันที
ใครนอนอยู่บนเตียงเรา
เมื่อตั้งสติได้เหตุการณ์เมื่อคืนซึ่งเข้าใจว่าเป็นความฝันก็ลอยมาในใจของชายหนุ่มภาวนาแค่ว่าขอให้ไม่เป็นคนในฝันจริง
ๆ ก็พอ
ถ้าเป็นมิโดริยะคงจะมองหน้าไม่ติดกันไปหลายวัน
สองขาก้าวยาว ๆ
ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเปิดผ้าห่มที่คลุมร่างขดงอเบามือเพื่อกันไม่ให้คนหลับตื่น
พรึ่บ!
พระเจ้า
พระเจ้ากำลังแกล้งเขาให้ตายเถอะ…
เรือนผมสีเขียวยุ่งเข้ากับใบหน้าหวานเปื้อนกระที่กำลังหลับพริ้มอยู่
ริมฝีปากอิ่มที่เขาจูบเมื่อคืนยังงึมงำไม่เป็นคำพูดแล้วร้องอือควานหาความอบอุ่นของผ้าห่ม
มิโดริยะนอนอยู่บนเตียงเขา
ขณะเดียวกันโทโดโรกิเริ่มกังวลขึ้นมา
นี่เขาทำอะไรลงไปนั่นไม่ใช่ฝันหรอกหรือแล้วเมื่อคืนมิโดริยะเกิดอะไรขึ้น
แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่คอนโดของเขาได้ล่ะ
“อือ… โทโดโรกิคุง ?”
ร่างเล็กงึมงำขึ้นมาทั้งที่นอนอยู่ดวงตาสเขียวหม่นมองมาทางเขา
เราทั้งคู่สบตากันพอดียืนยันว่าไม่ใช่ฝัน ในตอนนั้นชีวิตของโทโดโรกิมีแต่คำว่า ชิบ—
“โทโดโรกินายทะเลาะกับมิโดริยะหรอ”
ด้วยสีหน้ากังวลใจที่เกิดขึ้นกับฮีโร่โชโตะมาสองสามวันแล้วทั้งยังเวลาทั้งสองคนเจอกันก็มีท่าทีแปลกๆ
อย่างเช่น ไม่มองหน้ากันซึ่งฝ่ายมิโดริยะจะเริ่มก่อนหรือการขอตัวไปเข้าห้องน้ำแล้วหายไปเลยอิดะจึงอดสงสัยไม่ได้จนต้องเอ่ยปากถาม
“….เรื่องนั้น”
โทโดโรกิลังเลว่าจะตอบอย่างไรเพราะทั้งคู่ไม่ได้ทะเลาะกันมิโดริยะเองไม่ได้ด่าเขาหรือว่าทำท่าทีก้าวร้าวเลยเพียงแค่คุยกันนิดหน่อย
นิดหน่อยจริง ๆ
“โทโดโรกิคุง ขอใช้ห้องน้ำได้ไหม”
“ดะ ได้สิ”
“ขอบคุณครับ”
“มิโดริยะให้ฉันช่วย”
“ไม่ต้อง”
กว่าจะผ่านสถานการณ์อันแสนน่าอึดอัดมาได้ทำเอาโทโดโรกิเกือบร้องไห้ไปหลายครั้งแทบจะเสียความเป็นตัวเอง
มิโดริยะทำท่าตะลึงนิดหน่อยแล้วช็อคไปสักครู่ตามด้วยการขอใช้ห้องน้ำแล้วปล่อยให้คนผิดนั่งจมอยู่กับความทุกข์คนเดียวนานครึ่งชั่วโมง
เขาขอโทษอีกฝ่ายไปแล้วและอธิบายทุกอย่างเรื่องก็ดูจะผ่านไปด้วยดีหรอกถ้าหากว่าตั้งแต่วันนั้นมิโดริยะก็เริ่มไม่มองหน้าเขา
โทโดโรกิเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยการจะมองหน้าคนที่เคยนอนร่วมเตียงทั้งที่ไม่ได้มีความสัมพันในทางชู้สาวหรือแฟนแต่กลับเป็นแค่เพื่อน
เพื่อนที่คิดเกินเพื่อน
ถ้าวันนั้นเขาควบคุมตัวเองได้แล้วไม่เมาจนขาดสติทั้งคู่เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้
ทั้งที่เขาไม่น่าจะเมามากแท้ๆ ฝ่ายที่เมาน่ะมันมิโดริยะไม่ใช่หรือล่ะ!?
“อันที่จริงก็ไม่ได้ทะเลาะ รึป่าวนะ” ประโยคหลังของโทโดโรกิแผ่วลง
“แน่ใจนะ
พวกนายไม่มองหน้ากันมาสองวันแล้ว”
“ช่วงนี้งานเยอะน่ะ”
“ถ้าพวกนายสองคนมีอะไรก็หาเวลาคุยกันซะนะ
ปล่อยให้เข้าใจผิดนานๆ มันไม่ดี”
อิดะแนะนำเสียงเรียบไม่เสียชื่อคนเคยเป็นหัวหน้าห้องสมัยมัธยมจริง ๆ
พึ่งพาได้ให้คำแนะนำดีละเป็นห่วงทุกคนราวกับครอบครัวเดียวกัน ใส่ใจเพื่อนดีนะ
“อา ขอบคุณนะ”
ที่บอกว่างานยุ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องจริงซะทีเดียวเพราะวันนี้โทโดโรกิเลิกงานแล้วแถมเขายังไม่อยากกลับไปคอนโดสักเท่าไหร่จึงย่ำเท้าวนอยู่แถวสวนสาธารณะมาเกือบชั่วโมงอย่างไร้จุดหมาย
นัยน์ตาสองสีสอดส่องไปทั่วผืนหญ้าสีเขียวสลับกับท้องฟ้าสีส้มอมเหลืองในยามเย็น
เขาตัดสินใจนั่งเก้าอี้ไม้ตัวยาวข้างๆก่อนจะหลับตาพูดกับตัวเองเสียงเบา
“ฉันพูดอะไรผิดไปนะ มิโดริยะ”
“ท่าทางแบบนั้นมันไม่ใช่นายเลย
โกรธฉันมากเลยสินะ”
“ไม่ได้โกรธสักหน่อย” น้ำเสียงคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมาสองวันดังขึ้นโทโดโรกิลืมตาสะดุ้งลุกไปนั่งหลังตรงแล้วเจอคนที่อยากเจอยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้าในชุดไปรเวท
ในหัวมีคำพูดมากมายอยากจะพูดกับอีกฝ่ายแต่สับสนว่าจะพูดอะไรก่อนดีระหว่างทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กับคำว่าขอโทษ
ฝ่ายมิโดริยะเองไม่ปล่อยให้โทโดโรกิที่ดูอ้ำอึ้งพูดเขาจึงเริ่มพูดก่อน
“อิดะคุงน่ะ…บอกว่านายทำหน้าเศร้าตลอดแล้วยังถามอีกว่าทะเลาะกับผมหรือป่าว”
มิโดริยะพูด
“ผมไม่ได้โกรธนายนะโทโดโรกิคุง ก็แค่…”
แค่…?
“อาย”
มิโดริยะพูดแล้วยกมือปิดหน้าโทโดโรกิเห็นใบหูสีขาวเริ่มขึ้นสีแดงเจือๆ
ก็ตกลงเชื่อว่าอีกฝ่ายเขินจริง
มิโดริยะไม่ใช่โทโดโรกิที่จะนิ่งได้ทุกสถานการณ์และใบหน้าเรียบเหมือนฉาบปูนไว้สิบชั้นได้ตลอด
อีกฝ่ายเป็นคนที่เก่งเรื่องการแสดงออกให้คนอื่นสบายใจเสียมากกว่าใบหน้ายิ้มนั่นซ่อนอะไรไว้ข้างในเสมอแต่เวลาเขินมักจะเผลอแสดงออกอย่างจริงใจทุกครั้ง
อย่างเช่นตอนนี้
“แต่ก็…โกรธนิดหน่อย”
“ฉันขอโทษ!”
โทโดโรกิที่เงียบอยู่นานพอมิโดริยะพูดย้อนกลับมาว่ามีโกรธนิดหน่อยเขารีบลุกขึ้นแล้วโค้งตัวกล่าวขอโทษทันที
“ฉันไม่ได้ตั้ง…”
“มะ ไม่ต้องมาพูดเลยนะว่าไม่ได้ตั้งใจทั้งที่เสร็จข้างใน…อ้ะ ฮื่อ” คนตัวเล็กยืนสั่นรีบยกมือมาปิดปากตัวเอง
อวัยวะที่ใช้เปล่งเสียงถูดปิดไปพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำมากกว่าเดิม
“ละ ลืมที่ผมพูดเถอะ”
“จะลืมได้ยังไงฉันเป็นคนทำ…”
“อ๊า!! บอกว่าอย่าพูดไงนายไม่สงสารผมบ้างหรอ ฮึก อายจะแย่อยู่แล้ว”
พูดแล้วก็เขินแทบจะร้องไห้ความรู้สึกมันมั่วกันไปหมด
“อา โทษที”
“เรื่องแบบนั้นเพื่อนเขาไม่ทำกันสักหน่อย
นายอาจจะเกลียดผมก็ได้” จะให้ทนมองหน้ากันได้ยังไงในเมื่อเรื่องแบบนั้นมันเกิดไปแล้วความสัมพันทั้งสองคนก็ต้องเปลี่ยนไปตอนนี้คงไม่ใช่เพื่อนแล้ว
นี่แหละโอกาสโชโตะ
บอกมิโดรยะไปสิว่านายไม่ได้คิดกับเขาแค่เพื่อน…การจะก้าวข้ามคำนี้ไปมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะเพรั้นตอนนี้แหละพูดไปสิ
จิตใต้สำนึกของเขาบอกแบบนั้นมิโดริยะอยู่ตรงหน้าเขาแล้วยอมคุยด้วยแล้วแม้จะงอแงนิดหน่อยแต่ตอนนี้เป็นโอกาสเดียวจริงๆ
ที่เขาจะบอกความรู้สึกให้อีกฝ่ายรู้แม้โอกาสตอบรับจะน้อยแต่ก็ขอให้ได้พูด
มิโดริยะต้องเข้าใจแน่นอนว่าที่ทำไปวันนั้นเขาตั้งใจ
“ความจริงฉันชอบนาย ชอบมากด้วย”
ในที่สุดโทโดโรกิก็ยอมพูดออกมา
มิโดริยะได้ยินก็แอบลอบยิ้มขึ้นมาในใจ
โทโดโรกิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเอื้อมมือไปวางที่กลุ่มผมเส้นสีเขียวนุ่มอย่างอ่อนโยนแล้วออกแรงสัมผัสนิดหน่อย
ท่าทีมิโดริยะดูสงบลงแล้วมองเขาตาปริบๆ
“วันนั้นก็ทำไปเพราะตั้งใจนั่นแหละ
ขอโทษนะที่ทำอะไรให้นายไม่ชอบ”
“ผมยังไม่ได้พูดเลยนะว่าไม่ชอบ”
หา….?
“ถ้านายบอกผมให้เร็วกว่านี้เราคงเป็นแฟนกันไปแล้ว”
มิโดริยะพูดอะไรเนี่ย! ในหัวโทโดโรกิกำลังปวดหนึบรู้สึกว่าถูกคนตรงหน้าเอาไม้มาตีหลายๆครั้ง
ท่าทางอารมณ์ดีของคนผมยุ่งนั่นมันอะไรกัน… หรือว่า
“นาย…แกล้งฉัน”
มิโดริยะไม่ตอบแต่หัวเราะในลำคอ
“มิโดริยะ!”
“อุ๊ ขอโทษที
แต่ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะว่านายชอบผมก็เล่นพูดทั้งคืนแบบนั้น” มิโดริยะยิ้ม
อา…ไอ้ท่าทางกับนิสัยขี้แกล้งนั่นมาจากไหนกันนะ ผีร้ายตัวไหนมันสิงมิโดริยะที่น่ารักของเขากัน
แสดงว่าที่อีกฝ่ายบอกว่าโกรธก็แกล้งกันมาตลอดเลยสิ นี่เขากำลังถูกแกล้ง?
“’งั้น…”
“คืนนั้นคนที่เมาน่ะคือนายต่างหากเล่า
โทโดโรกิคุง”
ว้าว สุดยอด ชอบมากเลยอ่าาา เขินนนนน
ตอบลบ